“ยุทธศาสตร์ของ กปปส. จะไม่ช่วยในการทำลายระบอบทักษิณ”

วันนี้คุณกรณ์ จาติกวนิช เปรียบเทียบยุทธศาสตร์ของ กปปส. กับยุทธศาสตร์การปฏิวัติประชาชนในภาพยนตร์ Les Miserables (http://www.posttoday.com/การเมือง/268838/กรณ์-เปรียบชัตดาวน์กรุงเทพฯเทียบเคียง-les-miserables) เคยได้ยินจากเพื่อนที่ทำงานภาคการเงินที่ได้มีโอกาส exclusive กับคุณสุเทพก็ได้ข่าวเหมือนกันว่าคุณสุเทพได้ไอเดียพวกยึดสถานที่ราชการหรือยึดกรุงเทพฯ มาจากการปฏิวัติประชาชนในฝรั่งเศส

ในบริบทประเทศไทยปัจจบัน คุณสุเทพอ้างว่าต้องการขับไล่ระบอบทักษิณ ยุทธศาสตร์ของปฏิวัติประชาชนในฝรั่งเศสจะใช้ได้หรือไม่ ? คำถามนี่เองที่ทำให้การนิยาม “ระบอบทักษิณ” ว่าเป็นอย่างไรนั้นมีความสำคัญมาก เพราะถ้าไม่นิยามปัญหาให้ชัดเจน ยุทธศาสตร์จะไม่สามารถถูกออกแบบและดำเนินการให้มีประสิทธิภาพได้

ในข้อเขียนและการให้เหตุผลด้านล่างนี้ นี้ผมเสนอว่า ยุทธศาสตร์ของ กปปส. นั้นจะไม่ทำให้ระบอบทักษิณหายไป เพราะระบอบทักษิณไม่ได้มีลักษณะรวมศูนย์อำนาจ แต่เป็นเครือข่ายการคอรัปชั่น การแก้ไขปัญหานี้ต้องไปจัดการที่เงื่อนไขแวดล้อมที่เอื้อต่อการคอรัปชั่นในทุกระดับ คือ ต้องปฏิรูปกระบวนการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยต้องกระทำการปฏิรูปตามครรลองประชาธิปไตยตั้งแต่ต้น จะใช้ทางลัดไม่ได้เพราะจะส่งผลต่อความชอบธรรมเชิงที่มาของการปฏิรูป

ฝรั่งเศสสมัยนั้น การปกครองนั้นรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่พระมหากษัตริย์และราชวงศ์ (ทั้งที่สืบทอดมาแต่เดิม และที่สถาปนาตัวเองเป็นราชวงศ์อีกครั้งหลังปฏิวัติแล้ว) การที่ประชาชนยึดเมืองหลวงและบุกสถานที่ราชการ และขับไล่/ประหารกษัตริย์ราชวงศ์นั้นย่อมเป็นการโจมตีที่ศูนย์กลางของอำนาจ เมื่อยึดและทำลายศูนย์กลางของอำนาจได้แล้ว จึงจะสามารถช่วงชิงอำนาจมาเพื่อเปลี่ยนให้เป็นประชาธิปไตยได้

คำถามในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อประเมินยุทธศาสตร์ของ กปปส. คือ ระบอบทักษิณมีลักษณะเหมือนหรือต่างกับการปกครองของฝรั่งเศสสมัยนั้น? และยุทธศาสตร์ที่ กปปส. ทำอยู่เหมาะกับลักษณะของระบอบทักษิณหรือไม่

ในมุมมองของผม ยุทธศาสตร์ของ กปปส. เพื่อทำลาย “ระบอบทักษิณ” นั้นเป็นการโจมตีที่ผิดจุดมากๆ เพราะระบอบทักษิณไม่ได้มีลักษณะแบบรวมศูนย์หรือมีศูนย์อำนาจเดียว แต่เป็นเครือข่ายของการคอรัปชั่นที่กระจายตัวอย่างทั่วถึงและทุกระดับ ผ่านการสร้างผลประโยชน์ต่างตอบแทนและสร้างบุญคุณกับผู้คน และบังคับสัญญาด้วยกำลังเงินและอื่นๆ ไม่เฉพาะในระหว่างนักการเมืองด้วยกัน แต่ลงไปถึงนักธุรกิจบางกลุ่มด้วย

ถ้าเรามองว่าคอรัปชั่นมีมานานแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเจ้าแห่งการคอรัปชั่น ที่กินรวบใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการคอรัปชั่นที่มีอยู่เดิมและความอ่อนเปลี้ยของการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และสร้างความชอบธรรมให้การกระทำของตนการอ้างคะแนนเสียงการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ระบอบทักษิณยังผูกใจกลุ่มประชาชนที่เราแปะป้ายว่า “เสื้อแดง” ด้วยนโยบายที่ใหม่ๆที่จูงใจให้เลือกอีกด้วย ซึ่งแม้ว่านโยบายต่างๆจะถูกบังคับใช้อย่างมักง่ายและไม่คำนึงถึงรายละเอียดและผลกระทบทางสังคมใดๆ และเอื้อต่อการคอรัปชั่นของนักการเมืองและนักธุรกิจบางกลุ่ม ก็ต้องยอมรับว่า นโยบายของทักษิณมีส่วนในการยกระดับรายได้ของคนเหล่านี้จริงๆ

เรียกได้ว่า ทักษิณ ใช้ช่องว่างในสังคมไทยที่มีอยู่กว้างมาก และช่องว่างเชิงนโยบายที่ไม่เคยได้ให้ประโยชน์กับคนชนบทอย่างจริงจังเลย ในการเสนอนโยบาย ได้รับเลือกตั้ง และสร้างความชอบธรรมในการขึ้นสู่อำนาจตามระบอบประชาธิปไตย (แม้จะถกเถียงได้ว่า สิ่งที่เขาทำในภายหลังไม่ชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตยเลยเพราะละเลยสิทธิมนุษยชนและบิดเบือนจิตวิญญาณของระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ)

หากสรุปสั้นๆ เพื่อให้เห็นภาพเชิงยุทธศาสตร์ด้วย อาจจะสรุปเกี่ยวกับระบอบทักษิณได้ว่า

1. ระบอบทักษิณไม่ได้มีลักษณะรวมศูนย์อำนาจเหมือนฝรั่งเศสช่วงก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส

2. แต่มีลักษณะเป็นเครือข่ายของการคอรัปชั่นที่แข็งแรงและมีการจัดการมากขึ้น

3. โตขึ้นโดยอาศัยโอกาสที่สังคมมีเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1. ความง่อยเปลี้ยในกระบวนการยุติธรรม และ 2. ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันทางสังคม

ผมค่อนข้างมั่นใจว่าประเด็นเหล่านี้ในแง่ของปัญหาโดยละเอียดและวิธีการปฏิรูปได้ถูกนำเสนอแล้วจากงานของคณะกรรมการปฏิรูปฯของ คุณอานันท์ หมอประเวศ และคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของอ.คณิต ณ นคร แล้ว

หากเปรียบเปรยให้เห็นภาพชัดขึ้นอีกนิดหนึ่งคือ ระบอบทักษิณก็เป็น เชื้อรา ที่วิวัฒนาการหรือเติบโตไปอีกขั้น มิใช่แค่เชื้อราขนมปังทั่วไป แม้ทำลายเชื้อราที่เราเห็นด้วยตาไปได้ สปอร์ที่เล็กมากและซ่อนอยู่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ยังอยู่ และก็พร้อมจะเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ฉะนั้นถ้าเก็บอาหารในที่ร้อนและชื้นและมีของให้ย่อยสลาย ไม่ว่าจะทำลายเชื้อรายังไง เชื้อราก็จะยังกลับขึ้นมาอยู่ดี

สปอร์ของเชื้อราก็เหมือนความโลภในใจคน ถ้ามีของมาล่อเป็นอาหารความโลภ มีโอกาสเหมาะสมและรู้ว่าทำอะไรไปก็ไม่โดนลงโทษ น้อยคนนักที่จะไม่ใช้โอกาสนั้นในการหาประโยชน์ใส่ตน

ที่สำคัญคือ ความโลภนั้นก็มีอยู่ในใจของคนแทบทุกคน รวมทั้งผู้เขียน คุณสุเทพ กปปส.​และคนที่กลุ่มคุณสุเทพเชื่อว่าเป็นคนดีด้วย!!!

ฉะนั้นในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว การยึดกรุงเทพฯ ยึดสถานที่ราชการเรียกได้ว่า ไม่ได้ทำอะไรระบอบทักษิณเลยแม้แต่น้อย แม้ไล่พรรคเพื่อไทยออกจากการเป็นรัฐบาล เขาก็กลับเข้ามาอยู่ดี หรือแม้ตระกูลชินวัตรจะหมดไปจากโลก มันก็มีตระกูลอื่นมาใช้โอกาสที่มีอยู่อยู่ดี แต่อาจจะเป็นวิธีอื่น

ทางแก้ไขคือต้องไปแก้ที่เงื่อนไขที่ทำให้ระบอบทักษิณเติบโตได้มากกว่า คือ ต้องไปจัดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ให้สามารถบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ได้อย่างครอบคลุมและเที่ยงธรรม และจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้ำต่างๆในสังคม

ซึ่งประเด็นเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการปฏิรูปมากกว่า 1 ปีแน่นอน!

และหากผู้สนับสนุน กปปส. จะอ้างว่า นี่ไง เราต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง มันก็จะกลับไปสู่เหตุผลที่ผมให้ไว้ในบทความก่อนว่า มันจะทำให้การปฏิรูปที่เกิดขึ้นขาดความชอบธรรมในเชิงที่มา และจะถูกประชาชนอีกฝั่งหนึ่งขับไล่ในแบบเดียวกับที่ กปปส. ไล่รัฐบาล การแย่งชิงอำนาจรัฐจะยังคงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น

ฉะนั้นจริงๆยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมคือ กลับเข้าไปเล่นในเกมส์ ให้ชาวมวลมหาประชาชนเรียกร้องพรรคการเมืองต่างๆให้นำเสนอนโยบายสำหรับเลือกตั้งที่ไม่เป็นแบบที่ พรรคเพื่อไทยเสนอและเคยทำจนเป็นปัญหา และ ให้คำมั่นว่าจะผลักประเด็นการปฏิรูประบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมทันที โดยนำงานด้านการปฏิรูปที่ทำขึ้นมาแล้วนำมาทบทวน และปรับใช้!!

สำหรับในระยะสั้นเฉพาะหน้านี้ แทนที่มวลมหาประชาชนจะขัดขวางการเลือกตั้ง ควรจะร่วมมือกับ กกต. ในการกระจายกำลังกันไปช่วยเป็นหูเป็นตาให้การเลือกตั้งบริสุทธิยุติธรรมมากกว่า อย่างน้อยที่สุดก็ในวันเลือกตั้งที่เขตเลือกตั้งต่างๆ แม้จะไม่ได้ 100% แต่ก็น่าจะเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิของตนเองได้เต็มที่ในวันนั้น

หากพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายเหล่านั้นได้รับการเลือกตั้ง มวลมหาประชาชนเองก็ต้องมีการจัดการ ทำหน้าที่ monitor ให้พรรคการเมืองนั้น ทำงานผลักดันสิ่งที่ตนให้คำมั่นไว้ แม้ว่าพรรคนั้นจะไม่ได้เป้นพรรครัฐบาลแต่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ก็ต้องเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่แทนมวลมหาประชาชน คือ ผลักดันการปฏิรูปข้างต้น และคอยสอดส่องดูแลไม่ให้พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆในเครือทักษิณดำเนินนโยบายที่จะส่งผลกระทบทางลบต่อสังคมและบิดเบือนระบอบประชาธิปไตยต่อไป

Leave a comment